หากคุณก็เป็นหนึ่งในผู้ประสบภัยจากโปรแกรมจัดการวิทยานิพนธ์อันชาญฉลาดอย่างไอธีสิสแล้วล่ะก็ เราคือเพื่อนกันค่ะ เป็นโปรแกรมอำนวยความสะดวกในการพิมพ์วิทยานิพนธ์ที่เปิดเข้าเว็บไปทีไรก็หัวร้อนทุกที ต้องจุดธูปเทียน บนบานศาลกล่าวก่อนกด Generate หรือกระทั่งก่อนกด Bookmark โดยตั้งแต่เริ่มกระบวนการ 3 บท ยันยื่นจบ ดิชั้ลได้อัพไฟล์ขึ้นระบบมาแล้วทั้งหมดเป็นจำนวน 52 เวอร์ชั่น อ้างอิงจากบาร์โคดที่อยู่ด้านข้าง
จากประสบการณ์อันโชกโชนในฐานะผู้บุกเบิก บุกน้ำลุยไฟ จนผ่านครบทุกขั้นตอนของไอธีสิสมาแล้ว ดิชั้ลจึงมาแบ่งปันองค์ความรู้ที่ได้ประสบพบเจอมาโดยตรงจากกระบวนการทำธีสิสเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ เป็นแสงไฟส่องสว่างนำทางให้เพื่อนๆผู้ประสบภัยที่ยังติดอยู่ในวังวนของไอธิสิส
***คอนเทนต์นี้เหมาะสำหรับนิสิตปริญญาโท แผน ก คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา***
*******และรูปส่วนใหญ่ก็เอามาจากคู่มือ i-Thesis ฉบับนักศึกษา ที่เหมือนจะมีประโยชน์ แต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรเราได้มากนัก*******
หลังจากที่เราผ่านขั้นตอนกระบวนการ 3 บท ผ่านจริยธรรม ลงมือเก็บข้อมูล และลงมือเขียนบท 4 บท 5 เพื่อจะยื่นสอบแล้ว ควรพึงระลึกว่า 5 บทที่ใช้ยื่นสอบทั้ง ต้องมีครบทั้ง Abstract กิตติกรรมประกาศ สารบัญ สารบัญตาราง สารบัญภาพ ภาคผนวก
มาเริ่มกันที่ Abstract และ Acknowledgement
(บทคัดย่อ และ กิตติกรรมประกาศ)
ซึ่งในส่วนของทั้ง 2 อย่างนี้ เราจะต้องไปกรอกใน Electronic form ในเว็บ ithesis ที่เมนู Abstract และ Acknowledgement แล้วกด Generate ในเวิร์ด นางก็จะแทรกหน้ามาให้อัตโนมัติ
ปุ่มอยู่ข้างๆกันนะคะ
หน้าตาของช่องกรอก Abstract และ Acknowledgement จะเป็นดังภาพด้านล่าง
ซึ่งจะเป็น Textbox ที่บังคับให้เรากรอกได้แค่ตัวอักษรเท่านั้นค่ะ สามารถทำตัวเอียง superscript และ subscript ได้ค่ะ แต่จะต้องกดเลือกจากเมนูบนกล่องเท่านั้นค่ะ เพราะอย่างที่บอก Textbox รับแค่ตัวอักษรเท่านั้นค่ะ ไม่ว่ามี style รึ form ใดๆติดมาจากเวิร์ดที่เราก๊อบมา เมื่อมาวางในนี้นางก็จะล้างหมดเหลือแต่ตัวอักษรเท่านั้นค่ะ
ก็ทำการกรอกไปนะคะ ทั้งไทยและอิ้ง และอย่าลืม add คำสำคัญด้วยนะคะ ทีนี้สิ่งที่ควรทราบคือ ทั้ง 2 เมนูนี้ มันจะตัดขึ้นย่อหน้าใหม่ให้ถ้าเรากด Enter ค่ะ ดังตัวอย่างด้านบนคือ ……..มีประสิทธิภาพมากขึ้น แล้วเราก็จะขึ้นย่อหน้าใหม่ ก็ให้ Enter นางลงมาเป็นบรรทัดใหม่แล้วโปรแกรมจะย่อหน้าให้เองโดยอัตโนมัติ โดยที่เราไม่ต้องไปใส่ย่อหน้าในกล่องค่ะ
และเนื่องจากโปรแกรมได้ตั้งระบบไว้ว่าหากกด Enter บรรทัดถัดไปจะย่อหน้าทันที ทำให้เราไม่สามารถตัดคำ หรือแก้การฉีกคำในแต่ละบรรทัดเองได้ ถ้า Enter นางลงมาปุ๊บ มันก็จะย่อหน้าให้ทันที และในหน้าบทคัดย่อและกิตติกรรมประกาศในเวิร์ดนั้นก็จะเป็นหน้าล็อคไม่ให้เราแก้ไขได้……….
ซึ่งในส่วนนี้ก็ขอให้ทำใจค่ะ เราแก้ไขไม่ได้ ถามเจ้าหน้าที่บัณฑิตแล้ว พี่เค้าก็ยินยอมแต่โดยดี เพราะมันแก้ไขไม่ได้จริงๆ บางคนอาจจะ OCD กำเริบเลยก็ได้ อย่างดิชั้ลที่เจอการฉีกนามสกุลของอาจารย์ ครึ่งนึงอยู่บรรทัดบน อีกครึ่งหลังไปอยู่บรรทัดล่าง ว้อยยย หุดหิด 55555555555555
และอีกข้อควรระวังคือ เมื่อโปรแกรม Generate หน้า Abstract มาให้แล้ว ตรวจสอบให้ดีว่าหลังชื่ออาจารย์จะต้องมีวุฒิการศึกษาด้วย อย่างเช่น สมศรี ศรีสม, กศ.ด. รึหน้าอิ้งจะเป็น Somsri Srisom, Ed.D. ถ้าหากบทคัดย่อของใครไม่ขึ้นล่ะก็ ให้ไปใส่ที่ Electronic form เมนู Committee / Examiner คลิกเลือก รูปดินสอ(edit) ที่แถวๆชื่ออาจารย์ และใส่วุฒิการศึกษาในช่อง Postfix
กดเลยค่าาาาาาา
กล่อง Postfix สำหรับใส่วุฒิการศึกษาสูงสุดของอาจารย์จะอยู่ทางด้านหลัง ต้องใส่ทั้งแอดหลักและโค
และกล่อง Prefix ก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าต้องใส่ตำแหน่งของอาจารย์ อย่างเช่น ผศ. ดร. อะไรตั่งต่าง
ซึ่งก็ต้องใส่ทั้งเต็มทั้งย่อทั้งไทยทั้งอิ้ง อย่างเช่น ชื่อเต็มคือ ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต/ Doctor of Philosophy ตัวย่อก็เป็น ปร.ด. / Ph.D
สารบัญ / สารบัญตาราง / สารบัญภาพ
มาถึงจุดที่ปวดหัว ปวดกบาล ประสาทแดก ไมเกรนขึ้นทุกทีที่กดใช้
และเป็นที่แน่นอนว่าเราจะต้องพึ่งพาการจัดสารบัญของโปรแกรม i-Thesis เพราะนางจะล็อคหน้าไม่ให้เราแก้ไขใดๆ ซึ่งการจัดสารบัญจะว่าง่ายก็ง่าย จะกว่ายากก็ยาก สิ่งที่เราต้องทำมีเพียงคลุมดำหัวข้อที่เราอยากจะให้ขึ้นสารบัญ แล้วกดเลือก Style ให้หัวข้อนั้นๆ
ซึ่งถ้าใครหาแถบ Style ไม่เจอ ให้กดอิรูปสามเหลี่ยมอันน้อยในวงกลม แล้วแถบเมนู Style จะโผล่ขึ้นมาเอง
โดยหัวข้อหลักอย่าง บทที่ 1 บทที่ 2 บลาๆ ให้เลือก Style iThesis_Index_1 นะคะ
และหัวข้อรองอย่าง ความเป็นมา วัตถุประสงค์ นิยามศัพท์เฉพาะ บลาๆๆ ให้เลือก Style iThesis_Index_4 ค่ะ (ได้รับการคอนเฟิร์มมาจากเจ้าหน้าที่บัณฑิต(akaพี่โอ)ที่ตรวจฟอแมทให้ ว่าให้ใช้ style สารบัญแบบนี้)
ข้อควรระวังคือเมื่อเรากดเลือก Style ให้กับหัวข้อแล้ว ตัวอักษรจะเพี้ยนไป เล็กลง รึตัวเอียง ก็ให้เราจัดคืนเหมือนเดิมด้วยนะคะ ขนาดตัวอักษรเปลี่ยนก็ขยายให้เท่าเดิม มันเด้งมาชิดริมก็จัดให้มาตรงกลาง การมาจัดฟ้อนท์ทีหลังจะไม่ส่งผลใดๆถึง Style สารบัญที่เราเลือกไว้ค่ะ สามารถแก้ได้เลย ซึ่งปัญหานี้อาจแก้ไขได้ด้วยการไปแก้ไข Style แต่ว่ายังหาทางไม่ได้ค่ะ ลองเข้าไปแก้แล้ว นางก็เด้งกลับมาเหมือนเดิม เพราะฉะนั้นก็จัดแมนน่วลทีตัวกันไปก่อนนะคะ
และก็กด Bookmark เพื่อให้ i-Thesis รันสารบัญให้เรา (ทางที่ดีก่อนกดก็ให้จุดธูปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพเจ้าตั่งต่างๆ ให้ท่านช่วยดลบันดาลให้การรัน Bookmark ในครั้งนี้ประสบผลสำเร็จ ตัวอักษรในเนื้อหาไม่รวน ไม่ขี่กัน เพราะที่ดิชั้ลเจอมากับตัวคือ บางครั้งพอรันสารบัญแล้วเนื้อหาข้างในดันรวน ตัวอักษรขี่กัน งงไปหมด ไม่รู้มันไปกระเทือนถึงกันยังไง)
แถ่น แถน แถ๊นนนนนนนนนนน ก็จะได้หน้าตาประมาณนี้นะคะ
ซึ่งจริงๆแล้ว ดิชั้ลว่าหัวข้อรองน่าจะใช้ Index_3 มากกว่า เพราะมันจะย่อมาตรงหลังคำว่าบทที่ 1 พอดี แต่พี่เค้าบอกว่า Index_4 จะใกล้เคียงกับฟอแมทเดิมของมหาลัยมากกว่า ก็เลย ค่ะ 4 ก็ 4
หากใครยังงงให้ไปดูเพิ่มเติมได้ที่คลิปนี้ค่ะ >>>> วิธีทำสารบัญใน iThesis
ต่อกันที่ สารบัญตารางและสารบัญภาพกันเลยนะคะ
ถ้ายังจำได้ ข้างๆปุ่ม Bookmark ถัดไปอีกปุ่มนึง มีปุ่ม Table กับปุ่ม Figure ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นใหม่ที่มากับ i-Thesis เวอร์ชั่น 1.3.0 ถ้าใครยังใช้เวอร์ชั่นเก่าอยู่ ให้ถอนออกแล้วติดตั้งเวอร์ชั่นใหม่เลยค่ะ เพราะอาจจะมีปัญหาตามมาได้ เนื่องจากในเว็บไอธีสิสจะปฏิเสธการกดส่งธีสิสที่ถูกอัพมาจาก Add-in เวอร์ชั่นเก่าค่ะ และที่สำคัญอิ Add-in เวอร์ชั่นใหม่จะทำให้เวิร์ดค้างน้อยกว่าเวอร์ชั่นเก่าค่ะ เบาและลื่นกว่า เวิร์ดค้างน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ
2 ปุ่มนี้แหละค่ะที่จะมาทำให้ชีวิตของคุณยุ่งยากมากขึ้น
ซึ่งปกติในเวิร์ดเองก็จะมีฟังก์ชั่นในการจัดสารบัญรูปภาพและสารบัญตารางอยู่แล้ว คือเมนู caption แต่อิ 2 ปุ่มนี้ก็มาทำหน้าที่ทับซ้อน ซึ่งทำให้เรางงงวยมากขึ้นไปอีก ดิชั้ลจึงแนะนำให้ใช้ เมนู caption ของเวิร์ดเรียงสารบัญตารางกับสารบัญรูปภาพเลยดีกว่า เพราะมันสามารถปรับแก้ได้ อย่างคำว่า ตาราง เป็น ตารางที่ หรือสามารถแก้ชื่อตารางได้ ซึ่งวิธีทำอยู่ในคลิปนี้แล้วค่ะ >>> วิธีทำสารบัญตารางและสารบัญรูปภาพ
และฟังก์ชั่นนี้จะรันเลขตารางให้เราเลยค่ะ คือเรียงเป็นตารางที่ 1 ถึง ตารางที่ n ซึ่งถ้าใครใช้เลขตารางเป็น 1-1 รึ ก-1, ก-2 จะต้องเปลี่ยนเป็น ตารางที่ 1 2 3 4 5 … n นะคะ
รันเลขตารางแบบนี้
ซึ่งข้อควรระวังของขั้นนี้คือ บางทีชื่อตารางมันมาไม่ครบ แต่ไม่ต้องตกอกตกใจไปค่ะ เราสามารถพิมพ์หรือแก้ไขลงไปได้ เพราะมันไม่ใช่หน้าล็อคค่ะ และหากชื่อตารางมันตกลงมาบรรทัด 2 หรือ 3 เราก็สามารถจัดย่อหน้าให้ชื่อตารางมันตรงกันได้ โดยวางเคอร์เซ่อไว้หลังคำสุดท้ายที่ต้องการให้อยู่ในบรรทัดแล้วกด space bar เว้นวรรคไปยาวๆ ซักสิบครั้งแล้วค่อยกด enter มากั้นหลังค่ะ วิธีนี้ชื่อตารางจะแยกบรรทัดลงมาให้ แล้วถึงไปจัดเว้นววรคให้บรรทัดที่ 2 ตรงกับบรรทัดแรก
ซึ่งการทำสารบัญตารางและสารบัญรูปภาพผ่านเมนู caption นั้น เวลา save to cloud แล้วมีการรันเช็คสารบัญต่างๆ มันก็จะขึ้นให้ในไอธีสิส ไม่มีปัญหางอแงอะไรค่ะ ใช้แทนกันได้เลย
**ข้อควรระวังในการจัดฟอแมทของตารางนั้น ควรมีแต่เส้นแนวนอน ห้ามมีเส้นแนวตั้ง และก่อนขึ้นตารางต้องเว้น 1 บรรทัด หลังตารางก็ต้องเว้นอีก 1 บรรทัด**
จะแทรกภาคผนวกลงไประหว่างบรรณานุกรมและประวัติย่อได้ยังไง???
ปกติแล้ว iThesis จะ Generate หน้าบรรณานุกรมและหน้าประวัติผู้วิจัยมาติดกัน และเป็นหน้าล็อคทั้งคู่ แต่เราจะต้องใส่ภาคผนวกลงไปหลังบรรณานุกรม และก่อนหน้าประวัติผู้วิจัย จะทำอย่างไรดีล่ะคะ ลองทริกนี้ดูค่ะ
ก่อนอื่นเราก็ไปหน้าสุดท้ายของบทที่ 5 วางเคอร์เซอร์ไว้ที่ตัวอักษรสุดท้ายในหน้านั้น แล้วกด delete จนกว่าหน้าบรรณานุกรมที่ล็อค จะกระโดดมาอยู่ครึ่งหน้าสุดท้ายของบทที่ 5 ดังภาพ
ส่วนหน้าที่ว่างนั้นเราจะยก บรรณานุกรมที่เราเรียงแบบแมนน่วลเองไม่พึ่ง Endnote มาใส่ก็ย่อมได้ อิอิ ซึ่งส่วนตัวดิชั้ลใช้การเรียงบรรณานุกรมจาก เมนู Reference ของ Word แล้วก๊อบมาเป็น text แล้ววาง แต่หากใครใคร่ใช้ Endnote เราก็ไม่ขัดขวาง
ถึงจุดนี้ บางคนอาจจะเอ๊ะ แล้วคำว่าบรรณานุกรมที่มันโดดไปต่อท้ายบทที่ 5 ล่ะ จะลบยังไง วธีลบก็ง่ายๆค่ะ แค่วาดกล่องสี่เหลี่ยม สีขาว ไร้กรอบขึ้นมาทับ ก็หมดเรื่อง
เป็นการแก้ปัญหาที่ฉลาดปราดเปรื่อง ปัญญาประดิษฐ์หรือจะสู้ปัญญาของมนุษย์ อัลฟ่าโกะรู้จะต้องหลั่งน้ำตายกธงพ่ายแพ้ให้กับความอัจฉริยะของมวลมนุษยชาติ 555555 ทริกนี้ใช้ได้กับการลบเลขหน้าของพวกหัวข้อหลัก เช่น หน้าแรกของสารบัญทุกสารบัญ หน้าแรกของบทที่ 1 2 3 4 5 หน้าแรกของบรรณานุกรม หน้าแรกของภาคผนวก เป็นต้น
แต่ปัญหาที่ตามมาคือหน้าบรรณานุกรมที่ขึ้นในสารบัญจะกลายเป็นหน้าสุดท้ายของบทที่ 5 เพราะน้องถูกเซ็ทมาตามคำว่าบรรณานุกรมที่ระบบสร้างให้ แต่…….เราสามารถเอากล่องไปทับแก้เลขหน้าที่สารบัญได้ หรืออออ หากใครบุญถึง เวลากด delete ให้บรรณานุกรมโดดขึ้นไป บางครั้งก็สามารถกด delete จนไปลบคำว่า บรรณานุกรม ที่ระบบสร้างให้ได้ด้วยยย แล้วก็ไปตั้ง Style ให้หน้าบรรณานุกรมที่เราสร้างเอง เพราะมีอยู่ครั้งสองครั้งเคยทำได้ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำได้ยังไง ยังหาคำตอบไม่ได้เหมือนกัน คงจะแล้วแต่บุญแต่กรรมที่ทำมา 555555555
อย่างที่ดิชั้ลได้บอกไปว่า ดิชั้ลใช้การเรียงบรรณานุกรมจาก เมนู Reference ของ Word ในอีกไฟล์นึง แล้วก๊อบมาเป็น text วางในไฟล์ของไอธีสิส ซึ่งก็สะดวกสบายพอๆกับการใช้ Endnote และเรายังสามารถ Convert นางเป็น text แล้วแก้เองได้อีกด้วย
ก็สวยงามตามท้องเรื่อง
***ข้อแนะนำอีกอย่างคือหลังจากแก้ 5 บทจนเป็นที่พอใจของอาจารย์แล้ว ให้เราเจียดเวลามาเขียนบทความที่จะส่งตีพิมพ์เลยค่ะ ช่วงนี้แหละที่เราต้องเริ่มเขียนบทความและส่งวารสารกันแล้ว***
**********สำคัญมาก ถ้าในเนื้อหาข้างในใครพิมพ์ตารางเป็นแนวนอน แล้วล่ะก็ คุณจะพบว่าเลขหน้ามันจะอยู่ตำแหน่งบนขวา ซึ่งทำให้เวลาเข้าเล่ม เลขหน้าไม่ตรงกับหน้าที่เป็นแนวตั้ง และขอบกระดาษก็ไม่ตรงตามที่ฟอแมทกำหนดไว้ ณ จุดนี้ให้ทำตารางเป็นแนวตั้งให้หมดค่ะ ห้ามมีหน้าแนวนอนเด็ดขาด!!!!**************
แต่ใครๆก็ต้องมีตารางแนวนอนอยู่แล้ว เรามีวิธีแก้โดยเอาตารางใส่กล่องข้อความ แล้วตะแคงให้เป็นแนวตั้งค่ะ ดังภาพด้านล่าง
ก็ไป Insert กล่องข้อความมาค่ะ ตั้งค่าแบบไม่มีขอบ แล้วก๊อบตารางมาใส่ไว้ในกล่อง
หลังจากนั้นให้เลือกคุณสมบัติกล่องให้เป็นแบบ Infront of text เพื่อที่จะได้ตะแคงกล่องอย่างอิสระ
แล้วก็หมุนลูกศรจนตารางมันตะแคง 90 องศา เป็นตารางแนวตั้ง
ก็จะได้หน้าตารางแนวนอนในหน้ากระดาษแนวตั้ง ที่เลขหน้าและขอบกระดาษตรงกับหน้าอื่นๆ
เมื่อ 5 บทพร้อมแล้ว ก็ถึงเวลายื่นสอบดีเฟน
เมื่อเราแก้และจัด 5 บทเสร็จเรียบร้อย พร้อมจะขึ้นสอบแล้ว สิ่งที่ต้องทำคือ กดส่ง Draft version ให้อาจารย์กด Approve ก่อนค่ะ (เป็นคนละเวอร์ชั่นกับการกด Proposal นะคะ อย่าสับสน)
หลังจากอัพธีสิสเวอร์ชั่นขอยื่นสอบขึ้นระบบแล้ว ก็กดตรวจ Plagiarism อะไรให้เรียบร้อย แล้วกดเลือกเวอร์ชั่น ส่ง Save as Draft version เลยค่ะ แล้วระบบจะส่งเมล์ไปที่อาจารย์ ให้อาจารย์กด Approve ให้เรียบร้อย หลังจากที่อาจารย์ Approve แล้ว ก็จะขึ้นเป็นเวอร์ชั่น Draft แบบออฟฟิเชี่ยวค่ะ
พร้อมกับที่หน้าแรกของเว็บ หลังชื่อเรา ตัว D ก็จะเป็นสีเขียวค่ะ
เอาไว้อวดประชาชี
หลังจากนั้นก็จะเป็นการยื่นแบบฟอร์มขอขึ้นสอบปากเปล่าวิทยานิพนธ์ค่ะ
***สำคัญมาก หากแบบฟอร์มที่ท่านกรอกข้อมูลมันเด้งไปขึ้นหน้าใหม่ ยกตัวอย่างแบบฟอร์มมี 1 หน้า พอกรอกแล้วเด้งไป 2 หน้า ก็ต้องจัด บีบฟ้อนท์ ทำทุกวิถีทางให้มันอยู่ภายใน 1 หน้าให้ได้ หรือแบบฟอร์มในเวิร์ดที่ท่านเปิดมามันเด้งเป็น 2 หน้าอยู่แล้ว แต่ในแบบฟอร์ม pdf มีหน้าเดียวล่ะก็ ก็ต้องบีบอัดทุกอย่างให้อยู่หน้าเดียวให้ได้เช่นกัน***
ซึ่งแบบฟอร์มที่ต้องใช้ได้แก่ Thesis006, Thesis006/1 และ Thesis006/2
หน้าตาของ Thesis006
ซึ่งเราก็พิมพ์ข้อมูลที่เราต้องกรอกไปเลย เว้นไว้แต่ช่องผู้ทรงคุณวุฒิและกรรมการสอบ 5 บทที่ทางคณะจะต้องแต่งตั้งมาให้ ส่วนช่องกรรมการสอบเค้าโครงวิทยานิพนธ์ก็คือรายชื่อกรรมการสอบ 3 บทของเรานั่นเอง ก็ใส่ไปได้เลย
และ Thesis006/2 (ส่วน 006/1 เอาไว้พูดถึงทีหลัง เพราะค่อนข้างเป็นปัญหา)
อันนี้เราก็พิมพ์ข้อมูลของเราแล้วก็ชื่อวิทยานิพนธ์ของเราไปก่อนได้เลย เดี๋ยววันที่ สถานที่ เวลาสอบ ทางคณะจะกรอกให้
วันที่ไปยื่นสอบก็เอาเล่มธีสิส Draft version ของเราที่มีบาร์โคดอยู่ข้างๆ และเข้าเล่มสันกระดูกงูเรียบร้อยทั้งหมด 4 เล่ม พร้อมแบบฟอร์ม Thesis006 และ Thesis006/2 ไปหาพี่จิ๋มได้เลย แต่!!!! Thesis006 ต้องมีเอกสารแนบไปด้วย ได้แก่ 1.Thesis004, Thesis004/1, Thesis004/2 1 ชุด 2.ใบเกรดที่ปริ้นจากหน้าจอ reg.buu 1 ชุด 3.ใบเสร็จเทอมที่ลงทะเบียนวิชาวิทยานิพนธ์ (รุ่นดิชั้ลคือ ปี 1 เทอม 2) 4. ใบเสร็จเทอมสุดท้าย (เทอมที่จะสอบ 5 บท)
เราสามารถปริ้นใบเสร็จที่ว่าได้จากเมนูนี้ใน reg.buu ได้เลยค่ะ
กดเลือกเทอมที่ต้องการแล้วปริ้นหน้านี้มาเลย
ส่วนแบบฟอร์ม Thesis006/1 จะยุ่งยากหน่อยเพราะเป็นแบบฟอร์มที่ต้องกรอกประวัติและผลงานผู้ทรงคุณวุฒิที่จะมาเป็นประธานกรรมการสอบให้เราค่ะ ซึ่งวันที่เราไปยื่นสอบก็ยังไม่ทราบว่าใครจะมาเป็นผู้ทรงคุณวุฒิให้เรา ดังนั้นเราจึงต้องมาเช็คกับพี่จิ๋มอีกทีค่ะว่าทางคณะ(aka อ.เชษฐ์) แต่งตั้งใครมาเป็นประธานสอบให้เรา ถ้าเป็นอาจารย์ที่ทางคณะมีประวัติอยู่แล้วอย่าง อ.อารมณ์ หรือ อ.สมโภชน์ (ที่ดิชั้ลเป็นคนกรอกข้อมูลเองทั้งสองท่าน และได้ส่งไฟล์ให้พี่จิ๋มแล้ว) ก็จะสามารถขอไฟล์ Thesis006/1 ที่มีข้อมูลกรอกไว้แล้วได้เลย หรือดีกว่านั้นคือพี่จิ๋มจะปริ้นออกมาแนบให้เอง แต่ถ้าเป็นอาจารย์ท่านใหม่ที่ยังไม่ได้กรอกประวัติลง Thesis006/1 ก็ต้องไปหาข้อมูลอาจารย์ท่านมากรอกเองนะคะ และอย่าลืมส่งไฟล์ให้พี่จิ๋มเก็บไว้ด้วย สำหรับคนถัดไปจะได้พึ่งใบบุญ 5555555555555555 แต่ข้อมูลหาไม่ยากค่ะ จริงๆข้อมูลในเน็ตก็เพียงพอ ทั้งข้อมูลส่วนตัว ประวัติการทำงาน หรือผลงานวิชาการที่ตีพิมพ์ (ข้อมูลเปเป้อนี่เสิชหาได้ง่ายๆที่ web opec ของเว็บหอสมุดค่ะ แล้วอย่าลืมกรอกแบบบรรณานุกรม apa ด้วยนะคะ)
ในแบบฟอร์ม Thesis006/1 นั้น บางอย่างสามารถเสิชหาได้ แต่บางอย่างถ้าหาไม่ได้ก็ต้องไปหาอาจารย์ท่านเพื่อขอข้อมูลมากรอกนะคะ
หลังจากทราบวันที่สอบ และรายชื่อกรรมการสอบทั้งหมดแล้ว สิ่งที่เราต้องเตรียมต่อไปก็คือ แบบฟอร์ม Thesis007, Thesis007/1, Thesis007/2 ซึ่งเรามีหน้าที่พิมพ์ข้อมูลวิทยานิพนธ์ลงไป ใส่ชื่อกรรมการสอบให้ครบ แล้วปริ้นไปให้พี่จิ๋มก่อนวันที่เราสอบอย่างน้อย 3 – 5 วัน ย้ำ!!! ก่อนวันที่เราสอบ!!! แล้วพี่จิ๋มจะส่งต่อแบบฟอร์มนี้ให้คณะกรรมการสอบของเราเอง เพราะกรรมการสอบจะต้องกรอกผลสอบของเราลงในแบบฟอร์มเหล่านี้ หลังจากสอบเสร็จ เราก็มีหน้าที่รวบรวมไปส่งคืนที่พี่จิ๋ม แล้วพี่จิ๋มจะส่งต่อมายังพี่โอ เป็นอันจบกระบวนการของแบบฟอร์ม Thesis007, 007/1, 007/2
หน้าตาเป็นแบบนี้นะคะ
Thesis007 พิมพ์ข้อมูลกรอกลงไปให้มากที่สุด เว้นไว้แค่ค่าระดับขั้น / ข้อเสนอแนะ / และลายเซ็นกรรมการสอบ
Thesis007/1 ต้องมีเท่าจำนวนกรรมการสอบนะคะ ถ้ากรรมการสอบมี 4 คน ก็ต้องเป็น 4 ใบ และใส่ชื่อกรรมการแต่ละคนลงไปในใบเลย และระวังสับสนชื่อกรรมการและชื่อประธานกรรมการ
Thesis007/2 พิมพ์ข้อมูลกรอกลงไปในหัวข้อที่ 1 ให้เรียบร้อย ที่เหลือจะเป็นรายละเอียดที่กรรมการสั่งแก้ ค่อยกรอกหลังสอบเสร็จ
หลังจากที่ปริ้น Thesis007, 007/1, 007/2 ไปส่งที่พี่จิ๋มแล้วเราก็มาเตรียมตัวรอวันสอบค่ะ
สิ่งที่ต้องเตรียมวันสอบคือ
1.สไลด์ (แน่นอนอยู่แล้ว) การนำเสนองานควรใช้เวลานำเสนอ 15 – 20 นาทีนะคะ รายละเอียดยิบย่อยอื่นๆอย่างวิเคราะห์คุณภาพเครื่องมือหรืออภิปรายผลนั้นตัดไปได้เลย เพราะอาจารย์ท่านอ่านในเล่มมาแล้วค่ะ เราพูดนานยืดยาวมันจะเสียเวลา การสอบจะเน้นที่การแก้เล่มมากกกว่าการนำเสนอนะคะ 55555555
2.ของว่าง aka เบรก อันนี้ก็แล้วแต่กำลังทรัพย์เลยนะคะ
3. ถ้าท่านได้เวลาสอบช่วง 10.00 – 12.00 น. หรือ 15.00 – 17.00 น. ควรเตรียมข้าว!!! ให้กรรมการทุกคนด้วยค่ะ
4. หน้าอนุมัติวิทยานิพนธ์ที่พิมพ์จากระบบ i-Thesis (มีบาร์โค้ดแปะ) 5 – 10 แผ่น เนื่องจากประธานกรรมการสอบจะเป็นผู้ทรงคุณวุฒิภายนอก เราอาจจะไม่สะดวกในการตามหาตัวท่านให้มาเซ็นชื่อได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นแนะนำว่าให้ปริ้นไปให้ท่านเซ็นก่อนเลยจะดีที่สุดค่ะ (โดยส่วนใหญ่อาจารย์ท่านจะเซ็นให้อยู่แล้ว ยกเว้นบางกรณีที่ต้องการเห็นเล่มสมบูรณ์ของเราก่อน)
หากใครนึกไม่ออกว่าหน้าอนุมัติมันคือหน้าไหน ก็คือหน้านี้ในเล่มธีสิสเรานะคะ ที่กรรมการสอบทุกคนต้องเซ็นอนุมัติวิทยานิพนธ์ของเรา หน้านี้ระบบไอธีสิสจะ Generate มาให้เราในเล่มค่ะ เราก็แยกปริ้นใบนี้มาต่างหาก หลังจากที่ทราบชื่อกรรมการสอบก็ให้ไปใส่ชื่อกรรมการทุกคนใน Electronic form > Committe / Examiner แล้วกด Add นะคะ (Chairman คือชื่อประธานกรรมการสอบฯ ส่วน Committee คือชื่อกรรมการสอบฯค่ะ ใส่ให้ครบทุกคนนะคะ และอย่าลืมเช็คตำแหน่งและคำนำหน้าอย่าง ผศ. ดร. ด้วยนะคะ ถ้ายังไม่ใส่ก็ใส่ตรงช่อง prefix ซะ)
5. แบบฟอร์มส่งตรวจฟอแมทและบทคัดย่อ edu007 และ edu008 ค่ะ ที่ต้องเตรียมมาไม่ใช่ว่าต้องส่งตรวจเลยนะคะ แต่ว่าแบบฟอร์ม edu007 และ edu008 นั้นต้องมีลายเซ็นกรรมการสอบทุกคนค่ะ ซึ่งเราอาจจะไม่สะดวกไปตามหาอาจารย์ (เหตุผลเดียวกับข้อบน) เลยต้องเตรียมมาให้อาจารย์ท่านเซ็นไว้ก่อนเลยจะดีที่สุดนะคะ
ทั้ง edu007 และ edu008 ต้องมีลายเซ็นของกรรมการทุกคนค่ะ เพราะฉะนั้นให้อาจารย์เซ็นไว้ให้ครบ
6. เพื่อน ไว้เสิร์ฟของว่างและอาหาร
สุดท้ายคือ 7. สติ!!!!!ค่ะ สติต้องมีตลอดเวลานะคะ
หลังจากสอบเสร็จแล้วก็ตรวจทานดูแบบฟอร์มทั้งหมดอีกทีว่าอาจารย์ท่านเซ็นครบแล้วทุกช่อง ไม่มีตกหล่น แล้วก็กรอกสิ่งที่โดนให้แก้ไขลงใน Thesis007/2 แล้วก็เอาบรรดา Thesis007, 007/1, 007/2 ไปส่งคืนที่พี่จิ๋มค่ะ
ส่วนหน้าอนุมัติและ edu007, 008 นั้นก็เก็บรักษาใส่แฟ้มไว้ยิ่งชีพค่ะ
หลังจากแก้เล่มเสร็จสรรพ เตรียมส่งตรวจฟอแมทและบทคัดย่อ
มาสู่ขั้นตอนการยื่นตรวจฟอแมทเล่มและบทคัดย่อนะคะ ซึ่งแบบฟอร์มที่จะต้องใช้นั้นคือ edu007 (ตรวจฟอแมท) และ edu008 (ตรวจบทคัดย่อ) ซึ่งไปยื่นตรวจทั้ง 2 อย่างพร้อมกันได้เลยที่พี่โอ
- edu007 ตรวจฟอแมทของเล่ม เพราะฉะนั้นก็ต้องปริ้นเล่มที่เราแก้เนื้อหาแล้วเรียบร้อย และแน่นอนว่าต้องปริ้นจากระบบไอธีสิสที่มีบาร์โคดแปะอยู่ด้านข้างเท่านั้น โดยเล่มที่มายื่นตรวจฟอแมทนั้นไม่ต้องเข้าเล่มแต่อย่างใด มีแค่ปกใสหน้า-หลัง และคลิปดำหนีบมาก็พอ
- edu008 ตรวจบทคัดย่อไทยและอังกฤษ เพราะฉะนั้นก็ต้องปริ้นบทคัดย่อทั้งไทยและอังกฤษมาแนบต่างหาก (ปริ้นเพิ่มจากเล่มอีก 1 ชุด)
แล้วก็ยกไปให้พี่โอทั้งกองเลยค่ะ การตรวจฟอแมทนั้นส่วนใหญ่จะต้องส่งตรวจกัน 2 – 3 รอบ แต่ละรอบใช้เวลาประมาณ 1 อาทิตย์ อย่างดิชั้ลที่ตรวจ 2 รอบ ก็ใช้เวลาไป 2 อาทิตย์ ถ้าหากใครวางแผนจะจบ หรือมีเส้นตายล่ะก็ ให้คำนวนวันเวลากันดีๆ เพราะต้องเผื่อในส่วนของการตรวจฟอแมทด้วย ส่วนตรวจบทคัดย่อค่อนข้างเร็ว ใช้เวลาประมาณ 1 อาทิตย์ ถ้ามีแก้เล็กน้อยก็ไม่ต้องส่งตรวจอีกเอาไปแก้ได้เลย
ตรวจฟอแมทและบทคัดย่อผ่านแล้ว เตรียมส่งธีสิส Complete version ใน i-Thesis
ก็มาถึงขั้นตอนระทึกขวัญกันอีกแล้วนะคะ โดยหลังจากสอบ 5 บทไปแล้ว แก้เล่มแล้ว ผ่านการตรวจฟอแมทและบทคัดย่อแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือกดส่งธีสิส Complete version ในระบบ i-Thesis ให้อาจารย์ที่ปรึกษากด Approve ค่ะ แต่ก่อนที่เราจะสามารถกดส่ง complete version ได้นั้น เราจะต้องกรอกข้อมูลในเว็บไอธีสิสที่เมนู Report data เสียก่อนค่ะ
ในหัวข้อ After Defense ก็ให้เรากรอกข้อมูลพวก Plagiarism ช่องบนสุด ใส่ 0% ค่ะ เพราะเราเป็นธีสิสภาษาไทย ไม่ได้ส่งตรวจใน Turnitin ส่วนข้อมูล Plagiarism จากอักขราวิสุทธิ์ในระบบจะเติมให้เองค่ะ เราไม่ต้องกรอก หัวข้อ Evaluation ถ้าสอบ 5 บทผ่านก็เลือก Passed ค่ะ ส่วนหัวข้อ Dissemination ก็เลือก Allowed ค่ะ อนุญาติให้เผยแพร่งานวิทยานิพนธ์ของเราได้
ในส่วนของ Research mapping คือให้เลือกฟีลด์งานของเราค่ะ วิทยานิพนธ์ด้านศึกษาศาสตร์ ก็จะเลือกไปแนวๆ Social รึ Education ค่ะ เลือกใส่ให้ครบทั้ง 1 2 3 นะคะ
ในหัวข้อ Publication นั้น เราจะต้องกรอกข้อมูลบทความที่เราตีพิมพ์ หรือข้อมูลงานคอนเฟอเรนซ์ หรืองานอะไรต่างๆที่เราจะใช้ยื่นจบ หากงานเราตีพิมพ์ออนไลน์แล้วก็สามารถเสิชแล้วเลือกได้จาก ISI/Scopus search ได้เลยค่ะ แต่ส่วนใหญ่แล้วบทความของเราที่ส่งไปจะอยู่ในรูปแบบของ accepted แต่ยังไม่ published ดังนั้นเราจึงต้องกรอกเอง โดยไปที่ Publication forms
หน้าตาของเมนูนี้จะไม่ค่อยเหมือนในรูปข้างบนนะคะ รูปนี้เอามาจากในคู่มือไอธีสิส ซึ่งเป็นหน้าตาระบบแบบเก่า แต่พอใช้อธิบายแทนกันได้
เมื่อกดเข้าไปในเมนู Publication forms ก็จะมีให้เราเลือกกรอกค่ะ สำหรับคนส่งบทความตีพิมพ์ก็เลือก Journal/Article ส่วนใครจบด้วยการนำเสนอผลงานก็เลือก Conference ค่ะ ทีนี้กรอก Conference จะง่ายกว่าตรงเราสามารถกรอกข้อมูลลงไปตรงๆได้เลยค่ะ แต่ใครที่ส่งตีพิมพ์บทความเพื่อยื่นจบอาจจะต้องปวดหัวก๊อกสอง อย่างที่บอกใต้ภาพด้านบนว่าหน้าตาระบบตอนนี้ไม่เหมือนกับในรูป ไม่เหมือนก็คือว่า เมื่อกดเลือก Journal/Article แล้ว มันจะมีแค่ช่อง 2 ช่องให้กรอก คือเลข ISSN ของวารสาร และ ชื่อของวารสาร สิ่งที่เราต้องทำคือลองใส่เลข ISSN ของวารสารที่เราส่งไปตีพิมพ์ค่ะ ซึ่งถ้าใครพิมพ์เลขไปแล้วไม่เจอ ให้ลองเปลี่ยนมาพิมพ์ชื่อวารสารที่ช่องล่างแทนค่ะ แต่ถ้าพิมพ์ไปแล้วไม่เจอเลยทั้ง 2 ช่อง ต้องไปแจ้งที่สำนักคอมพิวเตอร์ ผู้ดูแลระบบไอธีสิสชื่อคุนจอยนะคะ จะโทรไปหรือเดินไปบอกคุณจอยก้ได้ ให้เพิ่มข้อมูลวารสารที่เราส่งบทความไปตีพิมพ์เข้าระบบให้ที ซึ่งข้อมูลที่ต้องเตรียมไปให้คุณจอยคือ
1.เลข ISSN ของวารสาร
2.ชื่อวารสาร
3.ชื่อองค์กรที่จัดพิมพ์วารสาร
4.เป็นวารสารที่อยู่ในฐานข้อมูลไหน (TCI หรือ Scopus เป็นต้น)
5. ระดับของวารสาร เป็น National หรือ International
6. ประเทศที่ตั้งของวารสาร
เมื่อคุณจอยได้ข้อมูลครบก็จะกรอกข้อมูลวารสารลงไปในระบบ (ใช้เวลาไม่ถึง 2 นาที) แล้วเราก็กลับมาเสิชเลข ISSN หรือชื่อวารสารอีกครั้ง (แนะนำว่าให้เสิชจากเลข ISSN จะชัวร์กว่าเสิชจากชื่อ) ทีนี้ก็จะเจอเลขISSNหรือชื่อวารสารเด้งขึ้นมาให้กดเลือก เราก็กดเลือกแล้วกรอกข้อมูลที่เหลืออย่างเช่น ชื่อบทความ ตีพิมพ์ฉบับไหน ปีที่เท่าไหร่ บลาๆ แล้วก็กดเซฟซะ
เมื่อกรอกข้อมูลใน Report data ครบเรียบร้อยแล้ว เราก็มากดส่ง Complete version กันค่ะ
และอย่าลืมกดตรวจ Plagiarism ก่อนกดส่งด้วย ไม่งั้นนางจะไม่ยอมส่งให้นะคะ
หลังจากกดส่งแล้ว ก็รอให้อาจารย์กด Approve ให้เรียบร้อยนะคะ หลังจากนั้นเราก็จะได้ธีสิส Complete version มาชื่นชมแล้วค่ะ
และในหน้า Home page ของ iThesis หลังชื่อเราก็จะขึ้นที่เขียวที่ตัว C >>
และเมื่อเราได้ Complete version แล้ว เราก็จะเข้าสู่การส่งผลตรวจ Plagiarism และ ใบนำส่งธีสิสที่มีบาร์โค้ดแบบออฟฟิเชี่ยว แล้วเอาไปส่งที่พี่โอ
สิ่งที่ต้องใช้ในขั้นนี้คือ
1.เล่มธีสิส Complete version ที่มีบาร์โคดแปะอยู่ด้านมุมขวาล่างของปกหน้า โดยปริ้นเลเซอร์มา ประกบแผ่นใสหน้า-หลังและเอาคลิปดำหนีบหัวมาก็พอ
ก็จะมีบาร์โค้ดเพิ่มมาที่มุมขวาล่างนะคะ
2.แบบฟอร์ม Thesis 008
หน้าตาก็ประมาณนี้นะคะ พิมพ์ข้อมูลกรอกลงไปให้เรียบร้อย
3.Plagiarism report ของธีสิส Complete version ที่ปริ้นมาจาก iThesis
คลิกมาจากตรงนั้นนั่นเองนะคะ
หน้าตา Plagiarism report ก็จะประมาณนี้นะคะ เด้งมาเป็น pdf เราก็สั่งปริ้นออกมาได้เลย
4.ใบนำส่งวิทยานิพนธ์ฉบับสมบูรณ์ ได้จากเมนู Submission document
คลิกเลือก Submission document นางก็จะ Generate หน้าใบนำส่งให้เลย เป็น pdf ก็ปริ้นมาได้เลยค่ะ
5.และอย่าลืมเอกสารแนบ!!!!!!!! edu007 และ edu008 ทางที่ดีหลังจากที่ให้อาจารย์เซ็นหลังสอบแล้วก็ถ่ายเอกสารเก็บไว้กับตัวเองซัก 3-4 ชุดนะคะ สำรองไว้
เตรียมเอกสารทั้งหมดเสร็จแล้วก็หอบไปส่งที่พี่โอได้เลยค่ะ หลังจากที่ส่งเอกสารแล้ว พี่โอตรวจสอบในระบบว่าเราได้รับการอนุมัติ Complete version จากอาจารย์แล้ว พี่โอก็จะกดอนุมัติบาร์โค้ดให้เรา ซึ่งที่หน้า Home Page หลังชื่อเราก็จะขึ้นตัว B เป็นสีเขียว >>>
ถือว่าเป็นการเสร็จสิ้นกระบวนการในระบบ i-Thesis แล้วค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
(เว้นแต่ว่าโดนแก้อีก ก็ต้องขออนุมัติแก้ไข แล้วค่อยเริ่มต้นส่ง complete version ใหม่)
ยื่นจบ + ส่งเล่มปกหนัง
หลังจากที่ได้รับการอนุมัติบาร์โคดจากพี่โอแล้ว เราก็ไปเอาเอกสารที่เราส่งไว้ที่พี่โอคืนมา แล้วนำเล่ม Complete version ไปเข้าเล่มปกหนังได้เลยค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
ซึ่งปกของชาวป.โท ภาค ก ปกตินั้น จะต้องเป็นสีแดงเลือดหมู ย้ำ แดงเลือดหมู ไม่ใช่แดงสด ตัวอักษรที่ปกต้องเป็นสีทอง จะเป็นตัวบุ๋มหรือตัวปริ้นก็ได้ ถ้าเป็นตัวบุ๋มจะเลือนยากกว่า แต่แพงกว่าและทำนาน แต่ถ้าเป็นตัวปริ้นท์จะเลือนง่ายหากไปถูไถหน้าปกบ่อยๆ แต่ข้อดีคือถูกและเร็ว เวลาสั่งเข้าเล่มนั้นแนะนำให้สั่งว่า ขอด่วน!!! ด่วนที่สุด!! ก็จะเป็นสั่งวันนี้ ได้พรุ่งนี้ ยิ่งถ้าเป็นชาวไอธีสิสแล้วล่ะก็ เล่มปกหนังที่ต้องส่งคณะ ก็แค่ 1 เล่ม ให้อาจารย์ที่ปรึกษา 2 คน คนละเล่ม เก็บไว้เป็นที่ระลึกอีก 1 เล่ม รวมทั้งหมดแล้วก็สั่งไป 4 เล่มเอง ประหยัดค่าเข้าเล่มไปได้เยอะมาก แถมเร็วด้วย แบบสั่งเช้าได้เย็นเลยด้วยซ้ำ อ้อ!! และอย่าลืมเอาหน้าอนุมัติที่มีลายเซ็นอาจารย์กรรมการสอบทิ้งไว้ให้เค้าเอาเข้าเล่มด้วย อย่าลืมนะคะ
**หน้าอนุมัติที่เอาไปเข้าเล่มยังไม่ต้องมีลายเซ็นคณบดีนะคะ เอาไปเข้าเล่มก่อน แล้วมาส่งยื่นจบที่พี่แนท แล้วพี่เค้าจะจัดการไปเอาลายเซ็นคณบดีมาให้ แล้วเราค่อยมาเอาคืนค่ะ (จะต่างจากรุ่นก่อนๆที่ให้เอาหน้าอนุมัติไปให้คณบดีเซ็นก่อนแล้วค่อยเอาไปเข้าเล่ม)**
เมื่อเราสั่งเข้าเล่มเสร็จแล้ว เราก็มาเตรียมเอกสารยื่นจบ สิ่งที่ต้องใช้ในขั้นตอนนี้ได้แก่
1.แบบฟอร์ม thesis009 และ thesis010 พร้อมเล่มปกหนังทั้งหมดที่จะต้องให้คณบดีเซ็น (ซึ่งถ้าเซ็นเสร็จแล้วเราก็มาเอาคืนไปแจกจ่ายญาติมิตร เหลือให้คณะเก็บไว้เปผ้นหลักฐานแค่เล่มเดียวพอ)
หน้าตาของแบบฟอร์มทั้งสอง
2.ใบเกรดที่ปริ้นจากหน้า reg.buu
3.สำเนา Thesis004, 004/1, 004/2
4.สำเนา Thesis007, 007/1, 007/2 (เหมือน 007/1 จะไม่ต้องใช้ แต่เพื่อความชัวร์ก็ใส่ไปด้วย)
5.แบบฟอร์ม Thesis008 ตัวจริงหรือสำเนาก็ได้ (แต่ที่ดิชั้ลเลือกแนบอันตัวจริงไป คือเพิ่งได้คืนจากพี่โอเลยเอามารีไซเคิลส่งเลย)
6.สำเนาแบบฟอร์ม edu007 และ edu008 แล้วก็ต้องให้แนบสำเนาบันทึกข้อความและบทคัดย่อที่เราได้คืนมาจากอาจารย์ที่ตรวจบทคัดย่อมีลายมืออาจารย์แก้ แล้วก็ปริ้นบทคัดย่อใหม่ที่เราแก้แล้วทั้งไทยทั้งอังกฤษไปอีก 2 ชุดด้วย (ในแบบฟอร์มไม่มีบอก)
7.ใบตอบรับการตีพิมพ์หรือคอนเฟอเรนซ์ ตัวจริง!!!!! ย้ำ ตัวจริงเท่านั้น!!!! แล้วก็ต้องแนบหน้าแรกของบทความที่เราส่งตีพิมพ์มาด้วย
8.สำเนาผลคะแนนสอบภาษาอังกฤษที่ผ่านเกณฑ์
หลังจากนั้นเราก็หอบหิ้วเล่มปกหนังและเอกสารเหล่านี้ไปยื่นจบได้ที่พี่แนท แล้วก็นั่งรอนอนรอไปอีก 3 อาทิตย์ ถึงจะได้ใบรับรองวุฒิการศึกษาและทรานสคริปตัวจบ เพราะฉะนั้น ย้ำกันอีกครั้งว่าใครมีเส้นตายคาดไว้ รึต้องรีบจบ ให้คิดคำนวน จับยามสามตา ดูเวลาให้ดีๆ
ขั้นตอนแจ้งจบออนไลน์ aka ยื่นคำร้องขอจบการศึกษา
บางคนอาจจะพลาดขั้นตอนนี้ไปเลยนะคะถ้าไม่มีใครเตือน
ระหว่างวุ่นวายกับ 5 บท อย่าลืมทำเรื่องขึ้นทะเบียนจบออนไลน์ที่ reg.buu ด้วยนะคะ ซึ่งใครคาดว่าจะจบเทอมไหน ให้ติดตามช่วงที่นางเปิดให้ขึ้นทะเบียนจบดีๆ อย่างเช่นดิชั้ลที่จะจบภาคฤดูร้อนนี้ก็จะต้องขึ้นทะเบียนบัณฑิต แจ้งจบออนไลน์ก่อนจะหมดเทอมนั้นๆ
ยกตัวอย่างของเทอมฤดูร้อน ปี 2560 ซึ่งจะเป็นเทอมที่ดิชั้ลจบ
ทางกองทะเบียนก็จะเปิดให้แจ้งจบช่วง 28 มิ.ย. – 8 ก.ค. เราก็เข้าสู่ระบบไปที่เมนู “แจ้งจบและขึ้นทะเบียนบัณฑิต”
เมื่อกดเข้าไปแล้วระบบก็ให้เราตรวจสอบข้อมูลตั่งต่างแล้วกดยืนยัน สุดท้ายจะได้ฟอร์ม RE15 คำร้องขอจบการศึกษามา
ก็กด “พิมพ์คำร้องขอสำเร็จการศึกษา” แล้วปริ้นออกมาไปใก้อาจารย์ที่ปรึกษาเซ็น
หลังจากนั้นก็จะเปิดให้จ่ายเงินช่วง 9-13 ก.ค. เราก็กลับมาปริ้นใบเสร็จไปจ่ายเงินที่ธนาคาร แต่ถ้าหากจ่ายไม่ทัน เกินกำหนดเวลาก็สามารถเอาใบเสร็จไปจ่ายที่กองคลังฯได้ตลอดเวลา
หลังจากนั้นก็เอา ใบคำร้องขอจบการศึกษา (RE15) ที่มีลายเซ็นอาจารย์ + ใบเสร็จจ่ายเงิน + รูปถ่ายชุดครุย 2 นิ้ว 2 รูป (ใช่ค่ะ ต้องมีรูปชุดครุยกันล้วนะคะ ณ จุดนี้ ไปหาเวลาถ่ายมาด้วยค่ะ) แล้วนำไปยื่นกองทะเบียนภายในวันที่ 20 ก.ค. เพื่อที่เวลาคณะส่งชื่อมาจบ ทางกองทะเบียนก็จะได้เสกใบจบให้ทันเวลา ส่วนไทม์ไลน์ของเทอมอื่นก็ต้องไปติดตามกันเองนะคะ เพราะดิชั้ลก็ไม่ทราบ แต่คร่าวๆคือมันจะเปิดให้แจ้งจบก่อนหมดเทอมประมาณเดือนนึงค่ะ
หลังจากที่คณะทำเรื่องแจ้งจบมาแล้ว ทางกองทะเบียนก็จะออกทรานสคริปและใบรับรองวุฒิการศึกษาให้เรามารับหลังจากที่เรายื่นจบไปแล้ว 3 อาทิตย์ค่ะ หรือรอติดตามใน reg.buu ที่เมนูตรวจสอบวันจบการศึกษา
กดเข้าไปแล้วกรอกรหัสประจำตัว หรือชื่อ นามสุล แล้วกดค้นหา ถ้าทางกองทะเบียนอนุมัติจบให้เราแล้ว
ก็จะขึ้นวันจบการศึกษาให้ในเมนูนี้ค่ะ และเราก็ไม่สามารถล็อกอินเข้าระบบ reg ได้อีกต่อไป
ได้อนุมัติวันจบขึ้นระบบแล้วเราก็สามารถเอาใบเสร็จที่เราจ่ายตังค์ขึ้นทะเบียนจบและบัตรนักศึกษาไปรับใบจบที่กองทะเบียนได้เลยค่ะ
ถ้าของใครยังขึ้นสถานะว่า กำลังศึกษา ก็แสดงว่ายังไม่ได้อนุมัตินะคะ ให้ทำใจร่มๆรอไปก่อน 55555
***********************************************************
เท่านี้ก็จะเป็นการเสร็จสิ้นภารกิจฝ่านรกไอธีสิส สามารถกินอิ่ม นอนหลับ ดูซีรีย์อย่างมีความสุขได้อีกครั้ง
ในส่วนของภาคปฐมบทแรกเริ่มจนไปถึง 3 บทนั้น ดิชั้ลคิดว่ามันไม่ยุ่งยากเท่าไหร่ คิดว่าทุกคนน่าจะหาหนทางได้เองอยู่แล้ว ก็พอผ่านเลยนะคะ ไม่ไหวจะทบทวนความทรงจำ
แค่อันนี้คือนั่งพิมพ์ นั่งอัพบล้อคอันนี้มาตั้งแต่ สิบโมงเช้าอ่ะค่ะ จนตอนนี้จะห้าทุ่มอยู่แล้ว
เรียกได้ว่าพิมพ์จนนิ้วล็อค ไหนจะแคปรูปมาปลากรอบการอธิบายอีก
แต่ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบล็อคอันนี้จะเป็นแสงส่องนำทาง ช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา ช่วยทำให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ชาวปริญญาโท แผน ก รหัส 59 เป็นต้นไป มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อย่าให้เป็นเหมือนดิชั้ล ที่ต้องต่อสู้กับโปรแกรมอัจฉริยะนี้มาอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย
หากใครเจอเทคนิกอะไรดีๆ เด็ดๆ สามารถมาแบ่งปันองค์ความรู้กันได้นะคะ
ขอให้ทุกคนโชคดีในการทำธีสิสค่ะ
สาธุ